เหรียญสดุดีลูกเสือ

เหรียญลูกเสือสดุดี
The Boy Scout Citation Medal

          เหรียญ ลูกเสือสดุดี เป็นเหรียญสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการ สร้างขึ้นตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๐๗ เช่นเดียวกับ เหรียญลูกเสือสรรเสริญ สำหรับพระราชทาน แก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ เจ้าหน้าที่และบุคคลอื่น บรรดาผู้ที่มีอุปการคุณถึงขนาด หรือผู้ที่ได้อุทิศกำลังกาย หรือ กำลังความคิดในการประกอบกิจ ให้บังเกิดคุณประโยชน์แก่การลูกเสือ อนึ่ง ใน พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการตรา    พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามกีรติ ลูกเสือสดุดีพิเศษขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

          เหรียญลูกเสือสดุดี เป็นเหรียญเงิน มีลักษณะกลมรี ขนาดกว้าง ๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๓.๒ เซนติเมตร
          ด้านหน้า ตรงกลางมีตราหน้าเสือประกอบวชิระ ริมขอบส่วนบนมีอักษรว่า "ลูกเสือ" และส่วนล่าง มีอักษรว่า  "เสียชีพอย่าเสียสัตย์" ตราหน้าเสือประกอบวชิระ และตัวอักษรให้ทำเป็นลายดุน
          ด้านหลัง เป็น พื้นเกลี้ยง จารึกนามของผู้ซึ่งได้รับพระราชทาน และวันที่พระราชทาน ที่ขอบส่วนบนของเหรียญมีห่วงห้อย แพรแถบขนาดกว้าง ๒.๔ เซนติเมตร มีริ้วสีเหลืองกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร อยู่กลาง ริมทั้งสองข้างมีริ้วสีดำกว้าง ๖ มิลลิเมตร

เหรียญลูกเสือสดุดีแบ่งเป็น ๓ ชั้น ดังนี้
          ชั้นที่ ๑ มีเข็มวชิระ ทำด้วยโลหะเงิน ประดับแพรแถบตรงกึ่งกลางในแนวทางดิ่ง ๑ เข็ม
          ชั้นที่ ๒ มีเข็มหน้าเสือ ทำด้วยโลหะเงิน ประดับที่แพรแถบตรงกึ่งกลางในแนวทางดิ่ง ๑ เข็ม
          ชั้นที่ ๓ ไม่มีเข็มวชิระ และเข็มหน้าเสือประดับที่แพรแถบ
เหรียญนี้ใช้ห้อยกับแพรแถบ ประดับที่อกเสื้อเหนือปกกระเป๋าเบื้องซ้าย


 การพระราชทาน
๑. สำหรับพระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ เจ้าหน้าที่ลูกเสือ และบุคคลอื่น บรรดา ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือถึงขนาด หรือที่ได้อุทิศกำลังกาย หรือ กำลังความคิด ในการประกอบกิจให้บังเกิดคุณประโยชน์แก่การลูกเสือ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.๒๕๐๗ และพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่๓) พ.ศ.๒๕๒๘ และพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่๔) พ.ศ.๒๕๓๐ ดังนี้

          เหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่ ๑ จะพระราชทานแก่ผู้ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือถึงขนาด หรือที่ได้อุทิศกำลังกาย หรือกำลังความคิด ในการประกอบกิจการ ให้บังเกิดคุณประโยชน์ แก่การลูกเสืออย่างยิ่ง ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด

          เหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่ ๒ จะพระราชทานแก่ผู้ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือ ดังต่อไปนี้
             (๑) บริจาคเงิน หรือทรัพย์สิ่งของต่างๆ ครั้งเดียว หรือหลายครั้งรวมกัน เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด
             (๒) ช่วยเหลือเป็นอย่างดีในการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับที่ ๑ วิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น หรือขั้นความรู้ชั้นสูง โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๕๐ ครั้ง หรือระดับที่ ๒ การให้การฝึกอบรมแก่ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือแล้ว โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๒๐ ครั้ง
             (๓) ช่วยเหลือกิจการลูกเสือด้านอื่นๆ จนเกิดผลดีแก่การลูกเสือติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า ๕ ปี และปีหนึ่งๆ ไม่น้อยกว่า ๑๐ ครั้ง หรือ
             (๔) ช่วยเหลือและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคณะลูกเสือไทย กับคณะลูกเสือต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง

          เหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่ ๓ จะพระราชทานแก่ผู้ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือดังต่อไปนี้
             (๑) บริจาคเงินหรือทรัพย์สิ่งของต่างๆ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง รวมกันเป็นจำนวนเงิน ไม่น้อยกว่า ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด
             (๒) ช่วยเหลือเป็นอย่างดีในการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับที่ ๑ วิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น หรือขั้นความรู้ขั้นสูง โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๒๕ ครั้ง หรือระดับที่ ๒ การให้การฝึกอบรมแก่ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือแล้ว โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๑๐ ครั้ง
             (๓) ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ในการฝึกอบรมวิชานายหมู่ลูกเสือ หรือวิชาลูกเสือประเภทต่างๆ โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรม ครั้งละ ๓ วัน ไม่น้อยกว่า ๕๐ ครั้ง
             (๔) ช่วยเหลือกิจการลูกเสือด้านอื่นๆ จนเกิดผลดีแก่การลูกเสือติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๓ ปี และปีหนึ่งๆ ไม่น้อยกว่า ๕ ครั้ง หรือ
             (๕) ช่วยเหลือ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคณะลูกเสือไทย กับคณะลูกเสือต่างประเทศเป็นอย่างดี

๒. ผู้ซึ่งได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีอยู่แล้ว ในวันที่พระราชบัญญัติลูกเสือ(ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๘ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ถือว่าเป็นผู้ซึ่งได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่๑ ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.๒๕๐๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติดังกล่าว

๓. เมื่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า ผู้ใดสมควรได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชทานต่อไป

๔. การพระราชทานนี้ จะพระราชทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อผู้รับพระราชทานวายชนม์ ให้ทายาทโดยธรรมรักษาไว้เป็นที่ระลึก

ที่มา : www.thaiscouts.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น